'วันที่ฟ้าโน้มลงมาสู่ดิน' พนม ช่อจันทร์ นักเรียนชั้นป.๔ โรงเรียนบ้านเขาเต่า** เล่าถึงเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่เกิดขึ้นกับเขา...วันนั้น ขณะที่กำลังเล่นสนุกกับเพื่อนอีกสองคน ก็เหลือบไปเห็นรถจี๊ปสีเขียวหลังคาผ้าเต็นท์คันหนึ่ง ติดหล่มอยู่ในขี้เลน มีชายคนหนึ่งขับมาคนเดียว และพยายามขับรถขึ้นจากหล่มอยู่นาน เขาและเพื่อนจึงวิ่งเข้าไปช่วยเข็น ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง กับความพยายามอยู่ร่วมชั่วโมง แต่ยิ่งเร่งเครื่อง ล้อรถก็ยิ่งจมเลนลึกลงไปทุกที สุดท้ายทุกคนก็หมดแรง ต่างหยุดพักแผ่หรากันอยู่ตรงนั้น "หนูเคยเห็นคนนี้ที่ไหน" เสียงของชายเจ้าของรถเอ่ยถาม พร้อมยื่นแบงค์ใบละหนึ่งบาทให้ เด็กชายพนมตอบว่า "เคยเห็นแต่ในแบงค์ แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง" ชายคนนั้นถอดหมวกที่สวมอยู่ออก แล้วถามกลับมาอีกว่า..."เหมือนเราไหม" วินาทีนั้น เด็กชายทั้งสามรู้แล้วว่าชายที่เขาเห็นแต่งกายธรรมดาผู้กำลังสนทนาอยู่นั้นเป็นใคร ต่างนิ่งอึ้งเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงกลางเลน กราบลงแทบพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า..."ลุกขึ้น ลุกขึ้นเถิด อย่านั่งเลย มันเลอะ" จากนั้น พระองค์จึงทรงพระอักษรใส่กระดาษ ให้เด็กชายนำไปส่งให้ครูที่โรงเรียนเทศบาลเขาเต่า ครูได้เห็นจดหมายนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นองค์เหนือหัว แต่ด้วยน้ำจิตน้ำใจแบบไทย เห็นใครเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือ จึงสั่งการเกณฑ์เด็กโตๆ ไปร่วมยี่สิบคน จนในที่สุดรถยนต์พระที่นั่งก็ขึ้นจากหล่มจนได้ ก่อนเสด็จจากไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัส..."ขอบใจมาก" ...เสียงนั้นยังก้องกังวานในใจของเด็กชายมาจนทุกวันนี้ **ภายหลังพระราชพิธีอภิเษกสมรส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ ประทับ ณ วังไกลกังวล หัวหิน ในการนี้เองที่โครงการแรกอันเนื่องจากพระราชดำริ จึงถือกำเนิดขึ้น ณ ชุมชนบ้านเขาเต่า และนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการตามพระราชดำริอื่นๆ อีกมากมาย
'วันที่ฟ้าโน้มลงมาสู่ดิน'
พนม ช่อจันทร์ นักเรียนชั้นป.๔ โรงเรียนบ้านเขาเต่า** เล่าถึงเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่เกิดขึ้นกับเขา...วันนั้น ขณะที่กำลังเล่นสนุกกับเพื่อนอีกสองคน ก็เหลือบไปเห็นรถจี๊ปสีเขียวหลังคาผ้าเต็นท์คันหนึ่ง ติดหล่มอยู่ในขี้เลน มีชายคนหนึ่งขับมาคนเดียว และพยายามขับรถขึ้นจากหล่มอยู่นาน เขาและเพื่อนจึงวิ่งเข้าไปช่วยเข็น
ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง กับความพยายามอยู่ร่วมชั่วโมง แต่ยิ่งเร่งเครื่อง ล้อรถก็ยิ่งจมเลนลึกลงไปทุกที สุดท้ายทุกคนก็หมดแรง ต่างหยุดพักแผ่หรากันอยู่ตรงนั้น
"หนูเคยเห็นคนนี้ที่ไหน" เสียงของชายเจ้าของรถเอ่ยถาม พร้อมยื่นแบงค์ใบละหนึ่งบาทให้ เด็กชายพนมตอบว่า "เคยเห็นแต่ในแบงค์ แต่ไม่เคยเห็นตัวจริง"
ชายคนนั้นถอดหมวกที่สวมอยู่ออก แล้วถามกลับมาอีกว่า..."เหมือนเราไหม"
วินาทีนั้น เด็กชายทั้งสามรู้แล้วว่าชายที่เขาเห็นแต่งกายธรรมดาผู้กำลังสนทนาอยู่นั้นเป็นใคร ต่างนิ่งอึ้งเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงกลางเลน กราบลงแทบพระบาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า..."ลุกขึ้น ลุกขึ้นเถิด อย่านั่งเลย มันเลอะ"
จากนั้น พระองค์จึงทรงพระอักษรใส่กระดาษ ให้เด็กชายนำไปส่งให้ครูที่โรงเรียนเทศบาลเขาเต่า ครูได้เห็นจดหมายนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นองค์เหนือหัว แต่ด้วยน้ำจิตน้ำใจแบบไทย เห็นใครเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือ จึงสั่งการเกณฑ์เด็กโตๆ ไปร่วมยี่สิบคน จนในที่สุดรถยนต์พระที่นั่งก็ขึ้นจากหล่มจนได้
ก่อนเสด็จจากไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัส..."ขอบใจมาก"
...เสียงนั้นยังก้องกังวานในใจของเด็กชายมาจนทุกวันนี้
**ภายหลังพระราชพิธีอภิเษกสมรส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ ประทับ ณ วังไกลกังวล หัวหิน ในการนี้เองที่โครงการแรกอันเนื่องจากพระราชดำริ จึงถือกำเนิดขึ้น ณ ชุมชนบ้านเขาเต่า และนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการตามพระราชดำริอื่นๆ อีกมากมาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น